เผชิญโลกร้อน ผจญโรคร้าย

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลทางบรรณานุกลมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ

ชื่อผู้แต่ง นิดดา หงษ์วิวัฒน์  ชื่อ เผชิญโลกร้อน ผจญโรคร้าย  สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ บริษัท พิมพ์ดี จำกัด

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

           ทุกวันนี้คนเรามีภาวะร้อนรุมสมุทรวงสุมร่างกายมากเกินไป  จนกระทบกับชีวิตของเซลล์ในร่างกายทุกระบบ  ความร้อนดังกล่าวนี้แน่นอนมาจากอากาศ  ความร้อนต่อไปมาจากวิถีชีวิตที่เคร่งเครียด เคร่งครัด  เร่งรีบ  กังวน  อาหารที่เปลี่ยนไป  กินมากขึ้นกับอาหารที่ไร้ประโยชน์แต่ก่อโทษไห้กับร่างกายด้วยอาหารนำเข้า  อาหารกินด่วนทั้งแบบฝรั่งและไทย  ริมถนน  ริมทาง  อาหารอุตสาหกรรมทั้งปวง

          ในที่สุดร่างกายก็เสียสมดุล ทำไห้คนทุกวันนี้อ่อแอลง อ่อนแรง ล้มป่วย เป็นไข้ เป็นสารพัดโรค ทั้งโรคสามัญประจำสังคม จนถึงโรคร้ายแรงทั้งปวง

           เราป้องกันโรคร้อนไม่ได้ แต่เราเตรียมตัวรับโรคร้อนได้ด้วยการผ่อนร้อนออกจากร่างกาย เติมเย็นเข้าไปคุ้มครองเซลล์ ไม่ใช่ครายได้แต่ร้อน ยังผ่อนเบาโรคร้อนได้อีกด้วย

          คนเรานั้นร่างกายประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ

  ดิน คือ อวัยวะต่างๆที่เซลล์ทั้งหลายประกอบขึ้นเป็นอวัยวะนั้นๆ เพื่อทำหน้าที่ไห้ร่างกายได้มีชีวิต

  น้ำ คือ เซลล์ของเหลวที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นน้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำมัน น้ำปัสสาวั น้ำพลาสม่า

  ลม คือ ช่องว่างทั้งหลายที่อยู่ในร่างกาย ลมหายใจ ออกซิเจน เพื่อขับเครื่อนระบบต่างๆไห้ลงตัว

  ไฟ คือ อุณหภูมิร้อนและเย็นในร่างกาย ไฟนี่แหละคือตัวควบคุมสมดุลในร่างกายไห้อบอุ่นแต่พอดีที

 37 องศา ไห้เซลล์มีความแข็งแรง เพื่อทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก่อไห้เกิดประสิทธิผล ถ้าร่างกายร้อนเกินไปอวัยวะต่างๆก็ล่มสลาย ก่อไห้เกิดโรคร้ายแรงหลายๆชนิด
             ความร้อนที่ก่อเกิดกับเซลล์ที่สุมรุมกับอวัยวะต่างและร่างกายนั้นมาจากหลายปัจจัยด้วยกันคือ
อาหาร อารมณ์ และ อุณหภูมิอากาศรอบตัว ซึ่งบัดนี้มีตัวเพิ่มขึ้นมาไห้เป็นปัจจัยเสี่ยงขึ้นไปอีกก็คือ คลื่นความร้อนเอลนีโญ่
            โดยทั่วไปอยู่ในเขตมรสุมโซนร้อน ที่นับวันจะร้อนขึ้นทุกวันและแห้งแล้งมากขึ้น ความร้อนที่สุมเราทุกวันนี้ มีผลกระทบไห้เราล้มเจ็บลงแบบกรัทันหัน ก็คือ เป็นลมแดดเกิด อาการวิงเวียน หน้ามืดตาลาย เกิดาการเพลียแดดคือไม่เป็นลมไม่หมดสติ แต่มีอาการอ่อนแรง เกิดจากความร้อนที่แผดเผาภายนอกกับความร้อนที่แผดเผาภายใน ทำไห้เกิดอาการเสียเหงื่อมากเกินไป จนทำไห้ขาดน้ำในร่างกาย เสียดุลของเกลือเเร่ ทำไห้ความดันโลหิตต่ำ เลือดไหลไปเลี้ยงสมองไม่ดี

            

สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันสอดคล้อง 9 ข้อพ่อสอนไว้ “นิสัยแห่งความดี” ด้านต่างๆ  ดังนี้

1.ความเพียร  เราควรออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพของเราให้พ้นจากการป่วย ปากเป็นโรคต่างๆ

2.ความพอดี  เราควรออกออกกำลังกายให้เหมาะยสต่อสภาพร่างกายของตนเองไใ่หักโหมเกินไป ถ้าเราหักโหมเกินไปอาจทำให้ร่างกายของเราป่วยหนักกว่าเดิม

3.ความรู้ตน   เราควรรู้ตัวเองอยู่เสมอว่าเราเป็นอะไร  ถ้าเกิดเราเป็นโรคหรือเป็นอะไรขึ้นมาเราก็จะได้รักษาตัวทันก่อนที่อะไรอะไรจะสายเกินเเก้

4.คนเราจะต้องรับเเละจะต้องให้  ถ้าเรารู้อยู่เเล้วว่าวิธีจะปฎิบัติตนให้หายจากโรคทำอย่างไรเราก็ควรบอกให้ผู้อื่นรับรู้เหมือนกับเรา คนอื่นก็จะได้ทราบวิธีป้องกันโรคเเละจะได้หายจากการเป็นโรค่างๆอีกด้วย ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือเราช่วยผู้อื่นเราก็พลอยได้บุญไปด้วยเเละคนอื่่นๆก็จะหายจากโรคภัยอีกด้วย

5.อ่อนโยนเเต่ไม่อ่อนเเอ ถึงเราจะไม่สบายอย่างไร จะท้ออย่างไรเราก็ไม่ควรอ่อนเเอเพราะจะทำให้เราหมดกำลังใจที่จะสู้กับโรคต่างๆ ถ้าเราอ่อนเเอหรือหมดกำลังใจก็จะทำให้เราป่วยหนักยิ่งกว่าเดิม

6.พูดจริงทำจริง  ถ้าเรามัวมานั่งกลุ้มอยู่ว่าทำอย่างไรเราถึงจะหายจากการเป็นโรค อยากผอม อยากทำนู่นอยากทำนี่ ถ้าเราไม่ลงมือทำเเล้วมันจะสำเร็จได้อย่างไร เราต้องลงมือทำอย่างจริงจังปฎิบัติตามอย่างเคล่งครัดผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็จะเกิดเป็นผลดีกับตัวเราเอง  โรคที่เราเป็นอยู่ก็หาย จากอ้วนเราก็ผอม

7.หนังสือเป็นออมสิน  ถ้าเราอยากรู้วิธีลดโลกร้อนเราก็ควรหาหนังสือมาศึดษาดูว่าเราควรทำอย่างไร หรือศึกษาค้นคว้าจากอินเตอร์เน็ตเราก็จะได้รู้วิธีการลดความร้อนได้อย่างถูกต้อง

8. ความซื่อสัตย์   ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราก็ควรซื่อสัตย์ต่อตัวเองเสมอ

9.การเอาชนะใจตน  เราต้องมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำจะมีประโยชน์กับเรามากเราจะต้องมั่นใจเราจะต้องทำได้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่จะตามมา